อาณาจักรยมโลกของพระองค์นั้นเป็นดินแดนเร้นลับอยู่ภายใต้พื้นโลกที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง พ้องกับนามของพระองค์ที่เป็นแปลเป็นภาษากรีกว่า “มองไม่เห็น” นั่นเอง แม้จะดูน่ากลัวชวนให้ชิงชัง แต่ในความมืดย่อมมีแสงสว่างเช่นเดียวกับฮาเดสที่ขึ้นชื่อว่ามอบความเป็นความตายได้อย่างเที่ยงธรรม ตัดสินความดีความชั่วของมนุษย์และทวยเทพโดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น และด้วยความที่ทรงเป็นเทพผู้กุมวิญญาณคนตาย ฮาเดสจึงสามารถควบคุมคืนชีพซากศพ และดวงวิญญาณนักรบต่าง ๆ ให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง (ในภาค 3 เหล่านักรบสปาตันก็คืนชีพขึ้นมาลุยกับพี่เหม่งด้วยอำนาจของฮาเดสนี่แหละ
ครั้งหนึ่งเมื่อเทพฮาเดสได้เสด็จขึ้นมาบนพื้นโลกได้พบกับ “เพอร์เซโฟนี” ธิดาสาวของดิมิเตอร์เทพี แห่งฤดูใบไม้ผลิโดยบังเอิญ ความรักระหว่างน้าหลานจึงเกิดขึ้น ฮาเดสจึงลักพาตัวเพอร์ซิโฟนีไปนรกโดยทีเธอไม่เต็มใจ (ทางฝั่งฮาเดสเองก็ถูกคิวปิดยิงศรรักใส่เพราะถูกแกล้ง) ทำให้เทพีเมดิเตอร์ผู้เป็นแม่เสียใจจนทำให้โลกมีแต่ความหนาวเย็น มหาเทพซุสต้องส่งเทพเฮอร์มีสเป็นฑูตไปเจรจากับเทพฮาเดส จนได้ข้อสรุปว่าจะยุบสภา เอ้ย!... สรุปว่าตอนนี้สายไปซะแล้วที่ส่งคืนเพอร์ซิโฟนี เพราะเธอได้กินผลทับในยมโลกไป 3 เม็ด ใครก็ตามที่อาหารของยมโลกจะกลับไปโลกเบื้องบนไม่ได้อีก แต่ก็ฮาเดสก็ให้สัญญาว่าในแต่ละปีเทพีเพอร์เซโฟนีจะกลับขึ้นมาอยู่บนพื้นโลก 6 เดือน (ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ) และต้องกลับไปอยู่กับเทพฮาเดสอีก 6 เดือน (ฤดูใบ้ไม้ร่วงและฤดูหนาว)
การที่ฮาเดสได้อยู่ร่วมกับมเหสีเพียง 6 เดือนในแต่ละปีนั้น สะท้อนถึงความเปล่าเปลี่ยวของเทพองค์เป็นอย่างดี ด้วยความที่ส่วนลึกมีความโศกเศร้าไร้เทพองค์ใดที่เปรียบดั่งสหายและยังมีความรักที่ไม่สมหวังเท่าไหร่นักทำให้ฮาเดสพาลนึกว่าตนเองนั้นอัปลักษณ์หรือไง ซึ่งก็อาจจะเหมือนในเกมภาค 3 ที่รูปร่างหน้าตาฮาเดสนั้นดูน่ากลัวสกปรก อีกทั้งบางตำนานกล่าวว่า ฮาเดสถึงขนาดปิดผนึกใบหน้าตนเองเอาไว้ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง ทำให้ต้องใส่หน้ากากปิดบังและห่อหุ้มด้วยไฟโลกันต์ หรือในการ์ตูน “เซนต์ไซย่า” ก็เช่นเดียวกันคือฮาเดสไม่มีใบหน้าแต่เป็นเพียงอวกาศสีดำมืดเท่านั้น
เทพเฮดีส ใน God of War 3
สำหรับแฟนเกม PS3 ผู้บูชาความซาดิสต์คงได้เห็นเต็มสองตาแล้วว่า “เครโทส” หอบห้วความแค้นติดไม้ติดหมัดมาฝากเหล่าทวยเทพแห่งโอลิมปัสมากซะขนาดไหน แม้แต่เทพทั้ง 3 ภพผู้ยิ่งใหญ่อย่างจ้าวสมุทร “โพเซดอน” เทพแห่งความตาย “ฮาเดส” และราชันย์แห่งทวยเทพ “ซุส” ยังต้องดับดิ้นด้วยน้ำมือของพี่เหม่งอย่างอเนจอนาถจนดูเหมือนว่า “เทพเจ้า” เป็นสิ่งที่น่าชังและชั่วร้าย ทั้งที่ตามตำนานนั้นชาวกรีกโบราณมีความเป็นนักปรัชญาอยู่เต็มตัว พวกเขาสร้างทวยเทพให้ละม้ายกับมนุษย์ปุถุชน นั่นคือมีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ในขณะเดียวกันก็มีด้านสว่างและสร้างคุณงามความดีต่อมนุษย์มากมาย เราลองมาพบกับอีกด้านที่ยิ่งใหญ่ เรื่องราวเหนือจินตนาการของมหาเทพทั้ง 3 ภพ และเทพเจ้าองค์อื่น ๆ สนองอารมณ์สาวกพี่โล้นซ่าส์เช่นคุณ!!! (โล้นซ่าจัด แม่งเทพขิง)
คู่นี้น่าจะมันโล้นท้งคู่
มาเข้าชมกันเยอะๆนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น